ระบบการศึกษาของประเทศกัมพูชา
เป็นระบบ 6-3-3 เหมือนกับหลายประเทศในอาเซียน
รัฐบาลของกัมพูชาให้ความสำคัญเกี่ยวกับจัดการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง
โดยการเรียนการสอนระดับขั้นพื้นฐานในประเทศกัมพูชา เรียนสัปดาห์ละ 6 วัน
คือวันจันท์ถึงวันเสาร์ มีวันหยุดวันเดียวคือวันอาทิตย์รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
(ฉบับปรับปรุงค.ศ.2015) มาตรา 65 ระบุไว้ว่า “รัฐต้องปกป้อง
และส่งเสริมให้พลเมืองได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพทุกระดับ
และต้องจัดมาตรการทุกอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อให้พลเมืองทุกคนได้เข้าถึงการศึกษานั้นรัฐต้องเอาใจใส่ด้านการศึกษาและการกีฬาเพื่อให้พลเมืองทุกคนมีสุขภาพที่ดี”
ส่วน มาตรา 68 ระบุไว้ว่า “รัฐมีหน้าที่ในการจัดการศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในโรงเรียนของรัฐสำหรับพลเมืองทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
พลเมืองต้องได้รับการศึกษาอย่างน้อยเก้าปีรัฐช่วยเผยแพร่และส่งเสริมโรงเรียนภาษาบาลีและการศึกษาด้านพุทธศาสนา”
จากการระบุดังกล่าว เห็นว่ารัฐให้ความสำคัญและได้ช่วยสนับสนุน
ส่งเสริมหลายอย่างเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของชาติ
โดยให้พลเมืองเรียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และต้องเรียนในการศึกษาภาคบังคับน้อย 9
ปี คือจบการการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเป็นผู้ที่มีความรู้
ความสามารถในการทำงาน โดยมีการจัดการเรียนการสอนเป็นสองภาคเรียนคือภาคเรียนที่ 1
วันที่ 1 มกราคม – วันที่ 6 เมษายน ของทุกปี และภาคเรียนที่ 2 วันที่ 20 เมษายน –
วันที่ 30 กรกฎาคม ของทุกปี
ถึงแม้ว่า รัฐได้ช่วยสนับสนุน
ส่งเสริมการศึกษามากแค่ไหน แต่ปัญหาต่างๆ ยังคงมีอยู่ให้เห็น สำหรับผู้ที่เดินทางไปประเทศกัมพูชา
จะเห็นว่าเด็กนักเรียนของประเทศกัมพูชาจะเรียนแค่ครึ่งวันไม่ว่าโรงเรียนนั้นอยู่ในเขตเมือง
หรือเขตชนบท คือเรียนช่วงเช้า และช่วงบ่าย โดยนักเรียนที่เรียนสองช่วงนี้
เป็นนักเรียนคนละกลุ่มกัน คือนักเรียนที่เรียนช่วงเช้า จะไม่เรียนช่วงบ่าย
ส่วนนักเรียนที่เรียนช่วงบ่าย จะไม่เรียนช่วงเช้า
แต่นักเรียนทั้งสองกลุ่มนี้จะสลับช่วงเรียนกันเดือนละครั้งขึ้นอยู่กับการจัดการของผู้บริหารสถานศึกษานั้นซึ่งแตกต่างประเทศไทยที่จัดการเรียนการสอนทั้งวัน
จึงเกิดคำถามว่า ทำไมโรงเรียนที่ประเทศกัมพูชาจึงต้องจัดการเรียนการสอนเป็นช่วง สาเหตุที่โรงเรียนในประเทศกัมพูชาต้องสอนสองเวลาคือ
1. ปัจจัยด้านงบประมาณและบุคลากร
1.1 ปัจจัยด้านงบประมาณ งบประมาณที่จ่ายเป็นเงินเดือนของข้าราชการครูและข้าราชการ
กระทรวงอื่นๆ
ของกัมพูชาอยู่ในระดับต่ำถึงปานกลางเงินเดือนครูประถมประมาณ 540,000 เรียล
หรือประมาณ 49,00 บาทไทย ครูมัธยมประมาณ 830,000 เรียล
หรือประมาณ 7,500 บาทไทย และรัฐบาลจะเพิ่มให้ปีละ 20% ขึ้นอยู่กับขั้นเงินเดือน
ประสบการณ์การสอนและจำนวนบุตรในครอบครัว ซึ่งเงินเดือนที่เป็นค่าตอบแทนจำนวนดังกล่าว
ไม่สามารถทำให้อาชีพครู เป็นอาชีพที่คนส่วนมากอยากจะเป็น แต่เป็นอาชีพที่คนส่วนหนึ่งที่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่ามักไม่อยากเป็นครู
หรือมาเป็นครูเพื่อมองโอกาสในการทำงานอย่างอื่น เช่นงานเอกชน
เป็นต้นเพื่อเป็นการลดปัญหาดังกล่าว รัฐจึงมีนโยบายให้ครูสอนอีกครึ่งวันพร้อมรับเงินค่าตอบแทนเพิ่ม
ถึงแม้ว่าไม่สามารถทำให้ความเป็นอยู่ของครูอยู่ในระดับที่ดี แต่ก็อยู่ในระดับที่พอรับได้
และครูอีกส่วนหนึ่งที่มีอาชีพเสริมอย่างอื่น
สามารถไปงานนั้นได้หลังจากหมดเวลาทำงานแล้ว
1.2
ปัจจัยด้านบุคลากร
เกี่ยวเนื่องมาจากปัจจัยด้านงบประมาณที่มีน้อย
เป็นสาเหตุทำให้
บุคลากรทางการศึกษา
หรือครูที่ปฏิบัติหน้าสอนในโรงเรียนต่างๆ มีจำนวนไม่เพียงพอ
โดยเฉพาะในเขตชนบทที่บางโรงเรียนมีครูผู้สอนสองหรือสามคน นักศึกษาครูที่เพิ่งจบมาใหม่เคยใช้ชีวิตในเมืองไม่ที่มีความสะดวกสบายหลายอย่าง
พวกเขาไม่ยากไปสอนในที่ทุรกันดาร และครูที่ไปสอน
นอกจากอาชีพสอนหนังสือแล้วไม่มีอาชีพเสริมอื่นที่เป็นรายได้ในแต่ละวันแทนเงินเดือนได้
นอกจากเงินสวัสดิการ หรือเงินเบี้ยกันดารที่เพิ่มกับเงินเดือนประจำสำหรับผู้ที่เสียสละไปสอน
ซึ่งเงินสวัสดิการเหล่านี้อาจไม่ได้เบิกเป็นรายเดือน บางครั้งเบิกเป็นรายภาคเรียน
หรือเบิกเป็นรายปีการศึกษา ซึ่งไม่สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวันได้กับการสอนของครูประถมศึกษา
สัปดาห์ละ 24 ชั่วโมง และครูมัธยมศึกษา สัปดาห์ละ 19 ชั่วโมง การที่ได้สอนอีกครึ่งวันพร้อมกับการได้รับค่าตอบแทนอีกส่วนหนึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มได้รายและลดภาระการใช้จ่ายให้กับครูผู้สอนได้ไม่มากก็น้อย
2. ปัจจัยด้านอาคารสถานที่
อาคารเรียนในประเทศกัมพูชาถือว่ายังไม่เพียงพอต่อความ
ต้องการทั้งในตัวเมืองและต่างอำเภอ
หน่วยงานของรัฐพยายามสร้างอาคารเรียนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และมีองค์กรนอกรัฐบาล
เช่น Asia
Development Bank (ADB), World Bank เป็นต้น และผู้มีจิตศรัทธาทั้งในและนอกประเทศที่ให้ความช่วยเหลือมาตลอด
แต่ด้วยความขาดแคลนที่มีมาก จึงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ
เนื่องจากจำนวนนักเรียนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งจำเป็นต้องแบ่งเป็นสองกลุ่ม
คือกลุ่มที่เรียนภาเช้า และกลุ่มที่เรียนภาคบ่าย ถึงแม้ว่าการแบ่งเป็นกลุ่มสามารถลดปัญหาการขาดห้องเรียนได้ระดับหนึ่งก็ตาม
แต่สำหรับโรงเรียนที่อยู่ในเขตชนบทหลายโรงเรียนยังมีปัญหาอยู่
3. ปัจจัยด้านความเป็นอยู่ของผู้ปกครอง ผู้ปกครองนักเรียน
โดยเฉพาะในต่างอำเภอหรือในเขตชนบท
ส่วนมากยังมีความเป็นอยู่ปานกลางหรือลำบาก มีส่วนน้อยที่มีความเป็นอยู่ที่ดี
แต่ถึงแม้ว่าความเป็นอยู่อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองมักอยากให้ลูกช่วยงานบ้านแทนตัวเองในบางเรื่อง
เช่นถ้าในชนบท ผู้ปกครองให้ลูกช่วยดูแลบ้าน ทำงานบ้านรดน้ำผัก เลี้ยงสัตว์
ดูแลน้อง และอื่นๆ ส่วนผู้ปกครองที่อยู่ในเมืองส่วนมากมีอาชีพค้าขาย จะให้ลูกช่วยเปิดร้าน
ดูแลร้านเฝ้าบ้าน หรือทำงานอื่นๆ แทนตัวเองเสมอ ฉะนั้น การที่โรงเรียนสอนแค่ครึ่งวัน
การมีลูกอยู่บ้านช่วยงานต่างๆ ได้ครึ่งวันไม่ว่าช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายถือว่ายังดี สามารดช่วยงานและลดภาระของผู้ปกครองได้ระดับหนึ่ง
จากปัจจัยต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น จึงทำให้โรงเรียนต่างๆ
ในประเทศกัมพูชาต้องเรียนอยู่สองช่วง เพื่อลดปัญหา และผลกระทบต่างๆ
เกี่ยวกับการศึกษา หวังว่า
ปัญหาเหล่านั้นจะได้รับการแก้ไขที่ดีขึ้นจนสามารถทำให้การศึกษาของประเทศนี้มีความพร้อมในทุกด้านต่อไป
(Writer : Sut Sorin)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น